เคยสังเกตไหมว่าทำไมเราถึงรู้สึกสดชื่นเป็นพิเศษเมื่อได้ไปเที่ยวต่างจังหวัดที่รายล้อมด้วยธรรมชาติ หรือรู้สึกผ่อนคลายเมื่อได้เดินเล่นในสวนสาธารณะ นั่นเป็นเพราะร่างกายตอบสนองต่ออากาศบริสุทธิ์ ซึ่งมีบทบาทสำคัญต่อสุขภาพกายและสุขภาพใจมากกว่าที่เราคิด

ในโลกที่เต็มไปด้วยมลภาวะและวิถีชีวิตเร่งรีบ การได้สูดอากาศบริสุทธิ์อย่างเต็มปอดจึงไม่ใช่เรื่องฟุ่มเฟือยอีกต่อไป แต่คือปัจจัยพื้นฐานที่จำเป็นต่อการใช้ชีวิตคุณภาพอย่างแท้จริง

 

อากาศบริสุทธิ์คืออะไร มีองค์ประกอบอะไรบ้าง ?

อากาศบริสุทธิ์ คือ อากาศที่สะอาดและปราศจากสิ่งปนเปื้อนที่เป็นอันตรายต่อร่างกาย ทั้งฝุ่นละออง สารเคมี กลิ่นควัน หรือมลพิษในระดับที่เกินค่ามาตรฐาน โดยต้องมีสัดส่วนของแก๊สต่าง ๆ อยู่ในระดับสมดุลตามธรรมชาติ ซึ่งช่วยให้การหายใจเป็นไปอย่างราบรื่นและสบายตัว

 

องค์ประกอบสำคัญของอากาศบริสุทธิ์ ได้แก่

  • ปริมาณออกซิเจนที่เพียงพอ ทำให้ร่างกายได้รับการฟื้นฟูและระบบต่าง ๆ ทำงานได้อย่างมีประสิทธิภาพ
  • ค่าฝุ่นละอองไม่เกินค่ามาตรฐานที่กำหนด เช่น PM2.5 และ PM10 อยู่ในระดับต่ำ
  • ปริมาณก๊าซไม่เป็นอันตรายต่อระบบทางเดินหายใจ ไม่ว่าจะเป็นก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์หรือสารระเหย
  • ความชื้นและอุณหภูมิที่เหมาะสม ช่วยให้การหายใจเป็นธรรมชาติ ไม่อึดอัด
  • สภาพแวดล้อมเต็มไปด้วยต้นไม้หรือพื้นที่สีเขียว ซึ่งทำหน้าที่ช่วยกรองอากาศและเพิ่มออกซิเจนตามธรรมชาติ

 

ทำไมอากาศบริสุทธิ์ถึงสำคัญต่อการใช้ชีวิต ?

  •     ดีต่อสมองและสมาธิ

เมื่อเราได้สูดอากาศที่สะอาดและปลอดจากมลพิษ สมองจะได้รับออกซิเจนอย่างเต็มที่ ส่งผลให้สมาธิเพิ่มขึ้น ลดอาการล้าสะสม และช่วยให้โฟกัสกับงานหรือการเรียนรู้ได้อย่างต่อเนื่อง

  •     ดีต่อสุขภาพกายโดยรวม

ออกซิเจนบริสุทธิ์ช่วยให้ระบบต่าง ๆ ของร่างกายทำงานได้อย่างมีประสิทธิภาพ ทั้งการไหลเวียนโลหิตที่ดีขึ้น ระบบภูมิคุ้มกันที่แข็งแรง รวมถึงการลดความเสี่ยงของโรคเรื้อรัง เช่น โรคหัวใจและโรคทางเดินหายใจ อากาศที่ดีจึงเปรียบเสมือนเกราะป้องกันสุขภาพในทุก ๆ วัน

  •     ดีต่อสุขภาพจิต

การสูดอากาศสดชื่นช่วยกระตุ้นให้ร่างกายหลั่งสารแห่งความสุขอย่างเอ็นดอร์ฟิน (Endorphin) และเซโรโทนิน (Serotonin) ทำให้จิตใจสงบ ผ่อนคลาย ลดความกังวล และช่วยให้การนอนหลับมีคุณภาพมากขึ้น

  •     เช็กลิสต์ประจำวัน : คุณได้สูดอากาศบริสุทธิ์มากพอหรือยัง ?

แม้จะรู้ว่าอากาศดีมีคุณค่าต่อทั้งร่างกายและจิตใจ แต่ในชีวิตเมืองที่เต็มไปด้วยความเร่งรีบ เรามักลืมที่จะถามตัวเองว่า ในแต่ละวันเราได้ให้เวลาหายใจเต็มปอดมากแค่ไหน

ดังนั้น วัน แบงค็อก (One Bangkok) จึงรวบรวมเช็กลิสต์สั้น ๆ เพื่อช่วยให้คุณสังเกตตัวเองได้ชัดเจนขึ้นว่าได้มอบอากาศดี ๆ ให้ปอดเพียงพอแล้วหรือยัง

 

คุณใช้เวลาอยู่ในพื้นที่กลางแจ้งนานแค่ไหนในแต่ละวัน ?

การออกไปรับลมหรือแสงแดดอ่อน ๆ อย่างน้อยวันละ 10-20 นาที จะช่วยกระตุ้นระบบประสาทและการไหลเวียนโลหิตให้ดีขึ้น แม้ในวันที่ยุ่งมาก เพียงเดินออกไปหน้าตึกหรือในลานอาคารใกล้ ๆ ก็ถือเป็นการเปิดโอกาสให้ร่างกายได้ “รีเซต” ตัวเองแล้ว

  •     คุณมีพื้นที่สีเขียวใกล้ตัวหรือไม่ ?

หากการไปสวนสาธารณะทำได้ยาก การมีต้นไม้สักสองกระถาง ระเบียงที่ลมพัดผ่าน หรือมุมพักผ่อนเล็ก ๆ ที่ได้เห็นพื้นที่สีเขียว ก็ช่วยให้ร่างกายผ่อนคลายได้อย่างดี

  •     คุณได้หยุดหายใจลึก ๆ ระหว่างวันบ้างไหม ?

การหายใจเข้า-ออกลึก ๆ เพียง 3-5 ครั้ง วันละหลายช่วง ช่วยกระตุ้นระบบประสาทพาราซิมพาเทติก  (Parasympathetic Nervous System) ทำให้ร่างกายสงบและลดความเครียดสะสม ทั้งนี้ ลองกำหนดเวลาการหายใจลึกเป็นกิจจะลักษณะ เช่น หลังประชุม หลังมื้อกลางวัน หรือก่อนเริ่มงานใหม่ ก็จะช่วยให้คุณเชื่อมต่อกับจังหวะการหายใจของตัวเองได้ดีขึ้น

  •     คุณเปิดหน้าต่างให้อากาศถ่ายเทหรือเปล่า ?

สำหรับคนที่ต้องอยู่ในห้องปิดทั้งวัน การเปิดหน้าต่างหรือประตูให้ลมพัดผ่านครั้งละประมาณ 10 นาที วันละหลายรอบ จะช่วยให้อากาศหมุนเวียนภายในห้องได้ดีขึ้น วิธีนี้ช่วยลดความอับชื้น เพิ่มความสดชื่นให้พื้นที่ และทำให้รู้สึกสบายขึ้นโดยไม่ต้องพึ่งเครื่องปรับอากาศตลอดเวลา

  •     คุณรู้สึกง่วงซึมหรือขาดสมาธิบ่อย ๆ หรือไม่ ?

อาการอ่อนล้า ง่วง หรือมึนหัวที่เกิดขึ้นระหว่างวัน บางครั้งอาจไม่ได้มาจากการพักผ่อนไม่เพียงพอเสมอไป แต่อาจเป็นสัญญาณว่าคุณใช้เวลาหายใจในพื้นที่ปิดที่มีอากาศนิ่งไม่หมุนเวียนนานเกินไป ซึ่งส่งผลให้เกิดความร้อนและความชื้นสะสม รวมถึงมีก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์สูงขึ้น ดังนั้น การออกไปเดินรับอากาศบริสุทธิ์เพียงไม่กี่นาที จะช่วยให้สมองกลับมาตื่นตัวและสดชื่นได้อย่างรวดเร็ว

  •     คุณรู้สึกว่าปอดแข็งแรงดีหรือไม่ ?

ลองสังเกตว่าคุณหายใจได้สุดปอดหรือไม่ หากรู้สึกเหนื่อยง่าย หายใจตื้น หรือเหมือนว่าหายใจไม่เต็มที่ นั่นอาจเป็นสัญญาณว่าคุณต้องการอากาศบริสุทธิ์มากกว่าที่คิด การเพิ่มเวลาอยู่ในพื้นที่โปร่งโล่งหรือสัมผัสธรรมชาติเป็นประจำ จะช่วยให้ปอดทำงานได้ดีขึ้นและส่งผลดีต่อสุขภาพโดยรวมอย่างชัดเจน

 

วัน แบงค็อก (One Bangkok) จุดหมายของการใช้ชีวิตท่ามกลางอากาศบริสุทธิ์กลางใจเมือง

สำหรับคนเมืองที่รู้สึกว่าการหาพื้นที่สีเขียวเพื่อสูดอากาศบริสุทธิ์เป็นเรื่องยาก วัน แบงค็อก (One Bangkok) คือจุดหมายปลายทางที่พร้อมมอบพื้นที่ให้คุณได้พักหายใจและผ่อนคลายอย่างแท้จริง

ด้วยการออกแบบพื้นที่ให้มีสัดส่วนพื้นที่สีเขียวมากกว่า 50% พร้อมสวนและลานกิจกรรมกลางแจ้งที่กระจายอยู่ทั่วบริเวณ คุณจึงสามารถสัมผัสอากาศบริสุทธิ์และความสงบของธรรมชาติได้อย่างง่ายดาย แม้อยู่ใจกลางมหานคร นอกจากนี้ ทำเลของ วัน แบงค็อก (One Bangkok) ยังโดดเด่นเป็นพิเศษ เพราะตั้งอยู่ระหว่างสวนสาธารณะขนาดใหญ่สองแห่งของกรุงเทพฯ คือสวนลุมพินีและสวนเบญจกิติ เปิดโอกาสให้คุณออกไปทำกิจกรรมกลางแจ้งหรือพักผ่อนท่ามกลางต้นไม้ใหญ่ได้ทุกเวลาที่ต้องการ

ไม่ว่าคุณจะมีไลฟ์สไตล์แบบไหน สิ่งสำคัญที่สุดคือการดูแลตัวเอง ลองแวะมาสัมผัสอากาศดี ๆ และพื้นที่สีเขียวของ วัน แบงค็อก (One Bangkok) แล้วคุณจะพบว่าการมีคุณภาพชีวิตที่ดี เริ่มต้นได้ง่ายกว่าที่คิด และอยู่ใกล้ตัวคุณเสมอ

 

ข้อมูลอ้างอิง

1.    รู้จัก "อากาศบริสุทธิ์" ที่ไม่มีมลพิษ PM2.5 อยู่ที่ไหนในโลก?. สืบค้นเมื่อวันที่ 13 พฤศจิกายน 2568 จาก https://www.thairath.co.th/lifestyle/health-and-beauty/1523410#google_vignette.

2.     อากาศบริสุทธิ์ ดีต่อสุขภาพอย่างไร. สืบค้นเมื่อวันที่ 13 พฤศจิกายน 2568 จาก https://www.porcela.co/weather/.

 

แท็ก

ความยั่งยืน
วัน แบงค็อก

แชร์

ค้นหากิจกรรมและข้อมูลอื่นๆ ใน วัน แบงค็อก