11 ธ.ค. 2568
การจัดคอนเสิร์ตในสวนกลางเมืองที่หรูหราและเปิดกว้าง ไม่เพียงแค่สร้างบรรยากาศที่ผ่อนคลายและสง่างาม แต่ยังเปิดโอกาสให้ผู้ชมได้สัมผัสประสบการณ์ทางดนตรีที่พิเศษอย่างแท้จริง ภายในสถานที่ที่ผสมผสานความทันสมัยและความเป็นธรรมชาติอย่างลงตัว ซึ่งนับได้ว่าเป็นตัวเลือกที่สมบูรณ์แบบในการสร้างงานคอนเสิร์ตที่ทั้งงดงามและน่าจดจำ
ทำไมเทรนด์จัดงานคอนเสิร์ตในสวนถึงเหมาะกับชีวิตคนเมือง ?
ในโลกที่เต็มไปด้วยความเร่งรีบและพื้นที่จำกัดของเมืองใหญ่ ผู้คนโหยหาการเชื่อมต่อกับธรรมชาติและพื้นที่เปิดโล่ง การย้ายกิจกรรมบันเทิงอย่างคอนเสิร์ตจากอาคารปิดมาสู่สวนสาธารณะ หรือพื้นที่สีเขียวที่ออกแบบอย่างดี จึงกลายเป็นเทรนด์ที่ตอบโจทย์สุขภาวะที่ดีของคนเมือง
1. การเชื่อมต่อธรรมชาติในใจกลางเมือง
การจัดงานคอนเสิร์ตในสวนสาธารณะ หรือพื้นที่สีเขียวขนาดใหญ่ เป็นการนำเอาประสบการณ์ทางดนตรีมาผสมผสานกับความรื่นรมย์ของธรรมชาติอย่างลงตัว ทำให้ผู้ชมได้สัมผัสทั้งความสนุกสนานจากเสียงเพลง และความผ่อนคลายจากบรรยากาศที่เปิดโล่ง ต้นไม้ และอากาศบริสุทธิ์ เป็นการหลีกหนีจากความแออัดของคอนเสิร์ตในร่มแบบเดิม ๆ
2. ช่วยเสริมสร้างบรรยากาศที่น่าจดจำ
พื้นที่จัดกิจกรรมกลางแจ้งช่วยให้ผู้จัดสามารถสร้างสรรค์บรรยากาศเฉพาะตัวได้ง่ายขึ้น แสงสีธรรมชาติในช่วงเย็นย่ำผสมผสานกับเสียงเพลงทำให้เกิดความรู้สึกโรแมนติกและสง่างามที่ไม่สามารถหาได้ในฮอลล์ปิด การจัดคอนเสิร์ตในลักษณะนี้จึงมอบประสบการณ์ที่มากกว่าแค่การฟังเพลง แต่เป็นการสร้างความทรงจำที่เชื่อมโยงระหว่างดนตรี ธรรมชาติ และผู้คน
3. สไตล์เหมาะการจัดงานคอนเสิร์ตสายครีเอทีฟ ที่คนทำงานในเมือง และ Gen Z ชอบ
ปัจจุบันผู้บริโภคโดยเฉพาะ Gen Z และคนทำงานในเมือง ต้องการ "ประสบการณ์" ที่แปลกใหม่และมีความหมายมากกว่าความวุ่นวาย การชมดนตรีในสภาพแวดล้อมที่สวยงามและถ่ายรูปได้ (Instagrammable) จึงตอบโจทย์ความต้องการของคนกลุ่มนี้ที่ให้ความสำคัญกับการแบ่งปันประสบการณ์ที่ไม่เหมือนใคร และความใส่ใจในคุณภาพชีวิต
เลือกสถานที่จัดงานคอนเสิร์ตอย่างไร ให้ประทับใจผู้ชม ?
หัวใจหลักของความสำเร็จในการจัดงานคอนเสิร์ต คือการเลือกและบริหารจัดการสถานที่อย่างมีประสิทธิภาพ โดยเฉพาะเมื่อเป็นพื้นที่กลางแจ้งแบบสวน
1. การบริหารงบประมาณ ค่าเช่าสถานที่จัดคอนเสิร์ต
หนึ่งในปัจจัยสำคัญที่ต้องพิจารณาคือ ค่าเช่าสถานที่จัดคอนเสิร์ตซึ่งอาจแตกต่างกันอย่างมาก ขึ้นอยู่กับทำเล ขนาด และความพร้อมของสาธารณูปโภคพื้นฐานของสถานที่ การวางแผนงบประมาณที่ชัดเจนตั้งแต่แรก รวมถึงการเจรจาต่อรองเรื่องระยะเวลาการติดตั้ง (Set-up) และรื้อถอน (Tear-down) เป็นสิ่งจำเป็น นอกจากนี้ ยังต้องรวมค่าใช้จ่ายสำรองสำหรับกรณีฉุกเฉิน เช่น การเช่าเต็นท์ หรือการจัดเตรียมพื้นที่ร่มกรณีฝนตก
2. บรรยากาศที่ผสมผสานความหรูหราและธรรมชาติ
สถานที่ที่ถูกเลือกควรมีศักยภาพในการผสมผสานความหรูหราและความเป็นธรรมชาติได้อย่างลงตัว ควรเป็นพื้นที่ที่สามารถติดตั้งเวทีและระบบเสียงได้อย่างมั่นคง ขณะเดียวกันก็มีองค์ประกอบของต้นไม้ น้ำพุ หรือสถาปัตยกรรมที่สวยงาม ซึ่งเป็นพื้นหลังที่ทำให้งานคอนเสิร์ตดูสมบูรณ์ ทั้งด้านของบรรยากาศและองค์ประกอบการถ่ายรูปสำหรับสายคอนเทนต์
การจัดคอนเสิร์ตต้องเตรียมอะไรบ้าง เพื่อให้ในพื้นที่จัดงานเกิดประโยชน์สูงสุด ?
Tips เพิ่มประสบการณ์ด้วยแสง สี เสียง ในคอนเสิร์ตกลางสวน
เมื่อได้สถานที่ที่ตอบโจทย์แล้ว การใช้เทคนิคพิเศษด้านแสง สี และเสียง จะช่วยยกระดับประสบการณ์จัดงานคอนเสิร์ตกลางสวนให้ตราตรึงยิ่งขึ้น
1. การจัดแสงและเสียงที่สมบูรณ์แบบ
2. การใช้สีในการตกแต่งและสร้างอารมณ์
สีมีอิทธิพลต่ออารมณ์ของผู้ชมอย่างมาก การเลือกโทนสีของเวทีและของตกแต่งควรสอดคล้องกับแนวเพลงและธีมของงาน เช่น หากเป็นคอนเสิร์ตแจซ ควรใช้โทนสีทอง แดงเข้ม หรือน้ำเงินเข้มเพื่อสร้างบรรยากาศหรูหราและลึกลับ ในขณะที่คอนเสิร์ตป็อปอาจใช้สีที่สดใสกว่า
3. การผสมผสานกับธรรมชาติอย่างกลมกลืน
แทนที่จะสร้างฉากหลังขนาดใหญ่ ผู้จัดอาจใช้ประโยชน์จากองค์ประกอบธรรมชาติที่มีอยู่แล้ว เช่น ต้นไม้ใหญ่ หรือผิวน้ำ เป็นส่วนหนึ่งของฉากหลังหรือจอโปรเจกเตอร์ การผสมผสานนี้ไม่เพียงแต่ลดค่าใช้จ่ายในการจัดงานคอนเสิร์ตลง แต่ยังทำให้บรรยากาศของงานสมบูรณ์มากยิ่งขึ้น นอกจากนี้ การจัดที่นั่งแบบเปิดโล่ง หรือการใช้พื้นผิวหญ้าให้เป็นประโยชน์ ยังช่วยให้ผู้ชมรู้สึกใกล้ชิดกับศิลปินและธรรมชาติไปพร้อมกัน
สัมผัสประสบการณ์ Jazz in The Park กลางกรุงเทพฯ ที่งาน Onederous Rhythms ณ วัน แบงค็อก (One Bangkok)
ขอเชิญชวนสัมผัสประสบการณ์การฟังดนตรีแจซท่ามกลางสวนและสถาปัตยกรรมที่ทันสมัยใจกลางเมือง กับ Moonlit Jazz in The Park ที่ วัน แบงค็อก (One Bangkok) ที่รวบรวมศิลปินแจซชื่อดังมามอบประสบการณ์แห่งความสุขผ่านเสียงเพลงให้แก่ทุกคนในช่วงเทศกาลคริสต์มาสนี้
พร้อมพบกับศิลปินแจซชื่อดังมากมาย ที่จะมาร่วมเพิ่มความอัศจรรย์ของเทศกาลแห่งความสุข เช่น Bitter Brothers, Tere’ Howard “SoulMama”, Tony Ardawan, Tabitha King, Nurse & Her Jazz Cats, The Coco Quintet, Putter x Zymone, Chatt Harit และ Johnnifer & The Boys ร่วมเป็นส่วนหนึ่งของงานดนตรีกลางสวนได้ในทุกวันศุกร์ เสาร์ อาทิตย์ วันละ 2 รอบ เวลา 19.00 - 19.45 น. และ 20.00 - 20.45 น. วันที่ 28 พฤศจิกายน 2568 - 14 ธันวาคม 2568
เปลี่ยนประสบการณ์คอนเสิร์ตของคุณให้สมบูรณ์แบบในพื้นที่จัดกิจกรรม และอีเวนต์กลางกรุงเทพฯ ณ วัน แบงค็อก (One Bangkok) ที่ผสมผสานความทันสมัยและธรรมชาติอย่างลงตัว มาร่วมสร้างความทรงจำที่น่าจดจำกับการแสดงดนตรี ซึ่งเต็มไปด้วยบรรยากาศสงบและสวยงาม พร้อมสัมผัสการจัดงานที่มีทั้งแสง สี เสียง และธรรมชาติที่สมบูรณ์แบบในที่เดียว !
ข้อมูลอ้างอิง
แท็ก
แชร์