02 ก.ย. 2568
ในโลกที่เต็มไปด้วยการเปลี่ยนแปลงทางสภาพแวดล้อมและการพัฒนาเมืองอย่างรวดเร็ว หนึ่งในหัวใจสำคัญที่เป็นตัวกำหนดทิศทางความยั่งยืนในการใช้ชีวิตของผู้คน คงไม่พ้นการจัดการพื้นที่ในเมืองให้กลายเป็น “พื้นที่สีเขียว” อันเป็นทรัพยากรที่มีค่ายิ่งสำหรับสังคมยุคใหม่
เมื่อพูดถึงพื้นที่สีเขียวในเมือง เราไม่ได้หมายถึงเพียงแค่สวนสาธารณะขนาดใหญ่ หรือพื้นที่ปลูกต้นไม้ริมถนนเท่านั้น แต่เป็นการจัดสรรพื้นที่ในหลากหลายรูปแบบที่มีบทบาทในการส่งเสริมคุณภาพชีวิตของประชาชน การอนุรักษ์สิ่งแวดล้อมอย่างยั่งยืน ตลอดจนการสร้างความสวยงามและบรรยากาศที่เต็มไปด้วยความสงบ ให้ผู้คนได้หลีกหนีจากความวุ่นวายของชีวิตในเมือง และกลับคืนสู่การเชื่อมต่อกับธรรมชาติ
พื้นที่สีเขียว หมายถึงอะไร ?
พื้นที่สีเขียว หมายถึง พื้นที่ที่ได้รับการจัดสรรให้มีธรรมชาติ พรรณไม้ และระบบนิเวศที่สมดุล ไม่ว่าจะเป็นสวนสาธารณะ ริมถนน ฟาร์มเมือง หรือแม้กระทั่งผืนป่าในเขตเมือง โดยเป้าหมายหลักคือการยกระดับคุณภาพชีวิตของประชากร สร้างสมดุลระหว่างความเป็นเมืองกับสิ่งแวดล้อม และลดผลกระทบจากภาวะโลกร้อน
เนื่องจากปัจจุบัน ประชากรส่วนใหญ่อาศัยอยู่ในเขตเมือง พื้นที่สีเขียวในกรุงเทพฯ และเมืองอื่น ๆ จึงกลายเป็นหัวใจสำคัญของการพัฒนาเมืองอย่างยั่งยืน ไม่ใช่เพียงเพื่อความสวยงามหรือเอาไว้พักผ่อนเท่านั้น แต่ยังมีบทบาทในด้านสุขภาพจิต การฟื้นฟูระบบนิเวศ และการควบคุมอุณหภูมิของเมืองให้อยู่ในระดับที่สมดุล
รู้จักพื้นที่สีเขียว 6 ประเภท และบทบาทในการพัฒนาเมืองอย่างยั่งยืน
พื้นที่สีเขียวสามารถแบ่งออกได้เป็น 6 ประเภท ตามคุณลักษณะและการใช้ประโยชน์ โดยอ้างอิงจาก แนวทางปฏิบัติงานเพื่อขับเคลื่อนการจัดการพื้นที่สีเขียวอย่างยั่งยืน ระยะที่ 2 (พ.ศ. 2566-2570) ของสำนักงานนโยบายและแผนทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม (สผ.) ซึ่งมุ่งเน้นให้เกิดการพัฒนาพื้นที่สีเขียวอย่างเป็นระบบ และสอดคล้องกับเป้าหมายการพัฒนาเมืองอย่างยั่งยืนในระยะยาว
1. พื้นที่สีเขียวสาธารณะ เพื่อนันทนาการและความงามทางภูมิทัศน์
พื้นที่ประเภทนี้เน้นการใช้งานเพื่อความรื่นรมย์ เช่น สวนสาธารณะ สวนหย่อม สนามหญ้า หรือพื้นที่ที่มีการออกแบบเพื่อให้ประชาชนได้ใช้พักผ่อน ออกกำลังกาย และเชื่อมโยงกับธรรมชาติในชีวิตประจำวัน ทั้งยังช่วยเพิ่มคุณค่าทางสุนทรียะของเมืองได้อีกด้วย
2. พื้นที่สีเขียวอรรถประโยชน์
พื้นที่สีเขียวประเภทนี้ นอกจากจะสวยงามแล้วยังตอบโจทย์ในเชิงเศรษฐกิจ เช่น ฟาร์มในเมือง แปลงเกษตรชุมชน สวนครัวดาดฟ้า ช่วยเพิ่มรายได้ และส่งเสริมความมั่นคงทางอาหารในพื้นที่เมือง
3. พื้นที่สีเขียวที่เป็นริ้วยาวตามแนวสาธารณูปการ
เช่น ทางเดินสีเขียว ทางจักรยาน ริมแม่น้ำ คลอง หรือพื้นที่ตามแนวรถไฟฟ้า ซึ่งเป็นพื้นที่ที่เชื่อมต่อกันอย่างต่อเนื่อง ช่วยสร้างเครือข่ายของธรรมชาติในเมือง ให้ผู้คนสามารถเข้าถึงพื้นที่สีเขียวในกรุงเทพฯ ได้ง่ายยิ่งขึ้น
4. พื้นที่สีเขียวเพื่อเศรษฐกิจของชุมชน
พื้นที่สีเขียวประเภทนี้ได้รับการพัฒนาให้สามารถสร้างรายได้หรือประโยชน์ทางเศรษฐกิจให้กับชุมชน เช่น ฟาร์มในเมือง แปลงเกษตรชุมชน หรือสวนครัวในพื้นที่อาคารสูง นอกจากช่วยลดค่าใช้จ่ายด้านอาหารแล้ว ยังเป็นพื้นที่สร้างกิจกรรมร่วมกันของคนในชุมชน ส่งเสริมความสัมพันธ์และความยั่งยืนทางสังคมอีกด้วย
5. พื้นที่สีเขียวธรรมชาติ
เป็นพื้นที่ที่ประกอบด้วยธรรมชาติหลากหลายรูปแบบ เช่น ป่าชายเลน พื้นที่ชุ่มน้ำ หรือป่าธรรมชาติทั่วไป ซึ่งมีบทบาทสำคัญในการรักษาความหลากหลายทางชีวภาพ ช่วยฟื้นฟูระบบนิเวศ และมอบประสบการณ์ใกล้ชิดธรรมชาติให้แก่ผู้คนในเมือง
6. พื้นที่สีเขียวที่รอการพัฒนา
พื้นที่เปิดโล่งที่ยังไม่มีการใช้ประโยชน์อย่างเต็มรูปแบบ แต่มีศักยภาพในการปรับเปลี่ยนเป็นพื้นที่สีเขียวในอนาคต เช่น พื้นที่ว่างริมทาง พื้นที่ใต้ทางด่วน หรือที่ดินรกร้าง การพัฒนาให้พื้นที่เหล่านี้กลายเป็นพื้นที่สีเขียว จะช่วยเพิ่มความมีชีวิตชีวาให้กับเมือง และยกระดับคุณภาพชีวิตของคนในบริเวณโดยรอบได้มากขึ้น
พื้นที่สีเขียวสร้างอะไรได้บ้าง ?
แม้พื้นที่สีเขียวจะหมายถึงการมีต้นไม้หรือพื้นที่โล่งกลางเมือง แต่นอกเหนือไปจากนั้น พื้นที่ดังกล่าวยังสามารถพัฒนาเป็นรูปแบบต่าง ๆ ที่ส่งเสริมการใช้ชีวิตอย่างยั่งยืน ไม่ว่าจะเป็น
- สวนสาธารณะและพื้นที่นันทนาการ
พื้นที่สีเขียวที่มีไว้ให้ประชาชนทุกช่วงวัยได้ใช้พักผ่อน ฟื้นฟูสุขภาพจิต และพบปะกันหลังเลิกงานหรือในวันหยุดสุดสัปดาห์ เปรียบเสมือนปอดกลางเมืองที่ช่วยลดความเครียดและเพิ่มคุณภาพชีวิต
- อาคารสีเขียว (Green Building) หรืออาคารที่เป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อม
พื้นที่สีเขียว เป็นหนึ่งในข้อกำหนดสำคัญของการสร้าง “อาคารสีเขียว” ซึ่งต้องออกแบบมาให้เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม รวมไปถึงการประหยัดพลังงาน การใช้วัสดุที่ยั่งยืน หรือระบบจัดการพลังงานและน้ำในอาคารที่มีประสิทธิภาพ โดยการให้ความสำคัญกับสัดส่วนพื้นที่สีเขียวตามมาตรฐานอาคารเขียว เช่น มีต้นไม้ยืนต้นไม่น้อยกว่า 1 ต้นต่อพื้นที่เปิดโล่ง 100 ตารางเมตร เพื่อสร้างสมดุลระหว่างสภาพแวดล้อมและการใช้งานจริง พร้อมทั้งยกระดับคุณภาพชีวิตของผู้ใช้งานอาคาร ทั้งในแง่สุขภาพกายและความสบายทางใจ
- โครงการฟาร์มในเมือง
พื้นที่ว่างกลางเมืองสามารถเปลี่ยนให้เป็นแปลงเกษตรได้ เช่น สวนผักแนวดิ่ง หรือสวนครัวในคอนโดมิเนียม ซึ่งเป็นทางเลือกใหม่ของการบริโภคอาหารที่ปลอดภัย และสร้างความสัมพันธ์อันดีภายในคอมมูนีตี้นั้น ๆ
- พื้นที่อนุรักษ์ธรรมชาติในเขตเมือง
เช่น ป่าในเมือง หรือสวนพฤกษศาสตร์ ที่ช่วยคงไว้ซึ่งความหลากหลายทางชีวภาพ นอกจากจะเป็นที่อยู่อาศัยของสัตว์ท้องถิ่นแล้ว ยังเป็นแหล่งเรียนรู้ให้แก่เยาวชนและผู้ที่สนใจเรื่องการอนุรักษ์ได้ธรรมชาติอีกด้วย
พื้นที่สีเขียวใน วัน แบงค็อก (One Bangkok)
วัน แบงค็อก (One Bangkok) มุ่งสู่การเป็นเมืองอัจฉริยะ (Smart City) และเมืองแห่งความยั่งยืน (Sustainable City) เราจึงไม่ได้มองว่าพื้นที่สีเขียวเป็นเพียงองค์ประกอบเพื่อความสวยงามหรือที่พักผ่อนเท่านั้น ทว่ายังเป็นหนึ่งในหัวใจสำคัญของการออกแบบเมืองยุคใหม่ เพื่อเชื่อมโยงชีวิตของผู้คนเข้ากับธรรมชาติอย่างแท้จริง
วัน แบงค็อก (One Bangkok) ได้จัดสรรพื้นที่สีเขียวและพื้นที่เปิดโล่งกว่า 50% ของพื้นที่ทั้งหมด ซึ่งถือว่าเป็น “สวนใหญ่กลางเมือง” ที่ให้ความสำคัญทั้งในมุมมองของสิ่งแวดล้อม สังคม และการใช้ชีวิตอย่างสมดุล
ข้อดีของพื้นที่สีเขียวในวัน แบงค็อก (One Bangkok) มีอะไรบ้าง ?
- ช่วยเติมอากาศบริสุทธิ์ให้เมือง
เราคัดสรรต้นไม้แต่ละชนิดมาอย่างพิถีพิถัน เพื่อให้เหมาะกับสภาพอากาศเขตร้อนของกรุงเทพฯ ช่วยดูดซับคาร์บอนไดออกไซด์ ฟอกอากาศ และลดอุณหภูมิของบริเวณรอบ ๆ ได้อย่างมีประสิทธิภาพ สร้างสภาพแวดล้อมที่เย็นสบายแม้อยู่ใจกลางเมือง
- ออกแบบภายใต้แนวคิดที่ว่าทุกคนต้องเข้าถึงได้
พื้นที่สีเขียวในวัน แบงค็อก (One Bangkok) ได้รับการออกแบบจากแนวคิด Connectedness คือ เน้นให้ทุกคนสามารถเข้าถึงได้ ไม่ว่าจะเดินเท้า ใช้รถจักรยาน หรือนั่งวีลแชร์ โดยเรามีทั้งสวนสาธารณะ ทางเดินเชื่อมต่อที่ร่มรื่น และพื้นที่พักผ่อนที่กระจายตัวอยู่ทั่ววัน แบงค็อก (One Bangkok) เพื่อให้คนเมืองสามารถเชื่อมต่อกับธรรมชาติได้ในทุก ๆ วัน
- ผสานพื้นที่สีเขียวเข้ากับอาคารและไลฟ์สไตล์ของผู้คน
อาคารภายในวัน แบงค็อก (One Bangkok) ได้รับการออกแบบให้มีพื้นที่สีเขียว และพื้นที่เปิดโล่งโดยรอบที่สอดรับกับความเป็นอาคารสีเขียว (Green Building) ซึ่งช่วยให้ผู้อยู่อาศัยและผู้ใช้อาคารได้สัมผัสธรรมชาติในทุกจังหวะของชีวิต
- สนับสนุนความหลากหลายทางชีวภาพ
วัน แบงค็อก (One Bangkok) ใช้แนวทาง Biodiversity Corridor ที่ออกแบบให้พื้นที่สีเขียวสามารถเชื่อมโยงกันเป็นระบบนิเวศขนาดย่อม เพื่อฟื้นฟูความหลากหลายทางชีวภาพในเขตเมือง
จะเห็นได้ว่าพื้นที่สีเขียวเป็นทรัพยากรที่ไม่เพียงแต่ช่วยเสริมสร้างความสมดุลระหว่างธรรมชาติและการพัฒนาเมือง แต่ยังเป็นปัจจัยสำคัญในการส่งเสริมคุณภาพชีวิตของประชาชนโดยรวม เนื่องจากการสร้างพื้นที่สีเขียวในเมืองสามารถช่วยลดมลพิษทางอากาศ เพิ่มพื้นที่นันทนาการ และสร้างสิ่งแวดล้อมที่เป็นมิตรต่อสุขภาพของทุกคน นอกจากนี้ ยังส่งเสริมความยั่งยืนในด้านต่าง ๆ ของการพัฒนาเมือง โดยเฉพาะในพื้นที่ที่มีความหนาแน่นของประชากรสูงอย่างกรุงเทพมหานคร
วัน แบงค็อก (One Bangkok) เป็นหนึ่งในโครงการพัฒนาเมืองสีเขียวในกรุงเทพฯ เพื่อสร้างความสมดุลระหว่างสิ่งแวดล้อมและความสะดวกสบายในการใช้ชีวิตเมือง โดยมุ่งเน้นการออกแบบภูมิทัศน์ในพื้นที่ให้มีพื้นที่สีเขียวในกรุงเทพฯ มากขึ้นและสามารถเข้าถึงได้ง่าย เพื่อให้ผู้คนได้สัมผัสกับธรรมชาติในทุกมิติของการใช้ชีวิตประจำวัน
ข้อมูลอ้างอิง
แท็ก
แชร์