15 ธ.ค. 2568
คนรุ่นใหม่เริ่มมองหาการทำงานที่ไม่จำกัดเพียงโต๊ะทำงานหรือเวลางานแบบเดิม แต่มองหาความยืดหยุ่น เทคโนโลยีที่ช่วยเพิ่มประสิทธิภาพ และสมดุลระหว่างชีวิตกับงาน ทำให้แนวคิดใหม่ในการทำงานหรือ New Work Mindset เกิดขึ้นอย่างเด่นชัด
องค์กรที่เข้าใจทัศนคติและความคาดหวังในการทำงานของคนรุ่นใหม่จะสามารถออกแบบสภาพแวดล้อมที่ช่วยให้พนักงานทำงานได้อย่างสบายใจ คิดสร้างสรรค์ได้มากขึ้น และบริหารเวลาได้ดีขึ้น โดยไม่ใช่เพียงการปรับโต๊ะ เก้าอี้ หรือเวลางาน แต่คือการสร้างประสบการณ์การทำงานทั้งหมดให้ตอบโจทย์
ตั้งแต่การทำงานร่วมกันอย่างคล่องตัว ไปจนถึงการใช้เทคโนโลยีสนับสนุนนวัตกรรม โดยองค์กรที่เห็นความเปลี่ยนแปลงนี้และปรับตัวได้อย่างเหมาะสม จะสามารถสร้างพื้นที่การทำงานที่มีความหมาย ทำให้พนักงานรู้สึกมีคุณค่า และเติบโตไปพร้อมกับองค์กรได้อย่างยั่งยืน
1. แนวคิดใหม่ ๆ ในการทำงาน
การเปลี่ยนแปลงของวิถีชีวิตและความคาดหวังของคนรุ่นใหม่ ทำให้รูปแบบการทำงานสมัยนี้มีความหลากหลายและคล่องตัวมากขึ้นกว่าเดิม โดยแนวคิดใหม่ ๆ ในการทำงานที่โดดเด่นและพบได้บ่อยในยุคนี้ มีดังนี้
การทำงานที่ยืดหยุ่นด้านเวลาและสถานที่ (Flexible Work)
Flexible Work หรือรูปแบบการทำงานที่ยืดหยุ่นทั้งด้านเวลาและสถานที่ เป็นสิ่งที่คนรุ่นใหม่ให้ความสำคัญเป็นพิเศษ พนักงานสามารถเลือกทำงานจากบ้าน คาเฟ่ หรือโคเวิร์กกิ้งสเปซได้ตามความเหมาะสม ส่งผลให้ลดความเหนื่อยล้าจากการเดินทาง เพิ่มสมาธิ และสามารถบาลานซ์ชีวิตส่วนตัวกับงานได้ดีขึ้น เมื่อองค์กรเปิดรับความยืดหยุ่นนี้ ประสิทธิภาพงานและความสุขของพนักงานก็เพิ่มขึ้นตามไปด้วย
แนวคิดการทำงานที่พร้อมปรับตัวอยู่เสมอ (Agile Mindset)
แนวคิดการทำงานแบบ Agile หรือการทำงานที่เน้นความยืดหยุ่น คล่องตัว พร้อมปรับตัวให้เข้ากับการเปลี่ยนแปลงอย่างรวดเร็ว ไม่ได้จำกัดเฉพาะทีมเทคโนโลยีอีกต่อไป แต่เป็นทัศนคติที่คนรุ่นใหม่ยึดถือเป็นพื้นฐาน พวกเขาพร้อมปรับตัว เรียนรู้เร็ว ไม่กลัวการทดลอง และให้ความสำคัญกับการพัฒนางานผ่าน Feedback Loop ที่สม่ำเสมอ องค์กรที่นำ Agile ไปปรับใช้จะสามารถเคลื่อนตัวได้รวดเร็วขึ้น ตัดสินใจบนข้อมูลจริง และเปิดโอกาสให้นวัตกรรมเกิดขึ้นบ่อยครั้งกว่าเดิม
การทำงานร่วมกันผ่านเครื่องมือดิจิทัลอย่างไร้ขีดจำกัด (Digital Collaboration)
การทำงานร่วมกัน ไม่จำเป็นต้องอยู่ในที่เดียวกันอีกต่อไป เมื่อเครื่องมือดิจิทัลช่วยเชื่อมทีมให้ทำงานได้ทั่วโลก เช่น ระบบแชร์ไฟล์แบบเรียลไทม์ แพลตฟอร์มประชุมออนไลน์ และเครื่องมือจัดการโปรเจกต์แบบออนไลน์ พนักงานสามารถติดตามความคืบหน้า พูดคุย และทำงานร่วมกันได้อย่างไร้รอยต่อ ส่งผลให้เกิดทั้งความรวดเร็ว ความโปร่งใส และคุณภาพการทำงานที่สูงขึ้น
การนำแนวคิดในการทำงานใหม่ ๆ เหล่านี้มาประยุกต์ใช้ช่วยให้องค์กรสามารถทำงานได้อย่างรวดเร็วและมีประสิทธิภาพ พร้อมกับส่งเสริมความคิดสร้างสรรค์และนวัตกรรม
2. ทัศนคติของคนรุ่นใหม่ในที่ทำงาน
นอกจากวิธีการทำงานที่เปลี่ยนไปแล้ว ทัศนคติและมุมมองต่อการทำงานของคนรุ่นใหม่เองก็มีความเฉพาะตัวมากขึ้นเช่นกัน ซึ่งสะท้อนออกมาในหลายด้าน ไม่ว่าจะเป็นเป้าหมายในงาน ความสำคัญของการเติบโต หรือบทบาทของเทคโนโลยี โดยสามารถสังเกตทัศนคติสำคัญได้จากประเด็นต่อไปนี้
ให้ความสำคัญกับการเรียนรู้และการเติบโตในอาชีพ (Valuing Learning & Growth)
คนรุ่นใหม่ให้ความสำคัญกับการเรียนรู้และการเติบโตในอาชีพมากกว่าตำแหน่งงาน พวกเขาต้องการอัปสกิล รีสกิล และเติบโตในสายงานอย่างต่อเนื่อง องค์กรที่สนับสนุนการพัฒนาตัวเอง ไม่ว่าจะผ่านคอร์สออนไลน์ เวิร์กช็อป หรือโอกาสทำโปรเจกต์ใหม่ ๆ จะดึงดูดคนเก่งได้มากขึ้น
ให้ค่าการทำงานเป็นทีมมากกว่าโครงสร้างลำดับชั้น (Collaboration over Hierarchy)
โครงสร้างแบบลำดับชั้นเข้มงวด เป็นสิ่งที่คนรุ่นใหม่มองว่าเป็นอุปสรรค พวกเขาชอบองค์กรที่ให้ค่าการทำงานเป็นทีมมากกว่าโครงสร้างลำดับชั้น มองเห็นคุณค่ากับการแลกเปลี่ยนความคิดเห็น การช่วยเหลือกัน และการเปิดพื้นที่ให้ทุกเสียงมีความสำคัญ เพราะการลดกำแพงระหว่างตำแหน่งช่วยให้เกิดการทำงานเป็นทีมที่มีประสิทธิภาพมากกว่าเดิม
มองหางานที่มีความหมายและสอดคล้องกับสิ่งที่ให้คุณค่า (Purpose-driven Work)
คนรุ่นใหม่ต้องการ Purpose-driven Work หรืองานที่ “มีความหมาย” งานที่สอดคล้องกับค่านิยมส่วนตัว เช่น ความยั่งยืน ความคิดสร้างสรรค์ หรือการสร้างผลลัพธ์เชิงบวก สิ่งนี้มีผลอย่างมากต่อแรงจูงใจ ความผูกพันกับองค์กร และความสุขในการทำงาน
เสริมประสิทธิภาพด้วยเทคโนโลยีและการตัดสินใจบนข้อมูลจริง (Tech-savvy & Data-driven)
ด้วยการเติบโตมาในยุคดิจิทัล คนรุ่นใหม่จึงให้ความสำคัญกับการเสริมประสิทธิภาพการทำงานด้วยเทคโนโลยีและตัดสินใจโดยมีข้อมูลจริงเป็นพื้นฐาน และคาดหวังให้องค์กรมีระบบที่ใช้งานง่าย ทันสมัย และตอบโจทย์การทำงานแบบรวดเร็ว
การเข้าใจทัศนคติเหล่านี้ จะช่วยให้องค์กรสร้างสภาพแวดล้อมที่ดึงดูดคนรุ่นใหม่และรักษาพนักงานที่มีคุณภาพไว้ได้
3. วิธีปรับตัวองค์กรให้ตอบโจทย์คนรุ่นใหม่
เมื่อเข้าใจทั้งแนวคิดและทัศนคติของคนรุ่นใหม่แล้ว องค์กรจำเป็นต้องพัฒนาแนวทางการบริหารจัดการที่ตอบโจทย์มากขึ้น เพื่อให้เกิดสภาพแวดล้อมการทำงานที่เหมาะสมและสอดคล้องกับความต้องการของพนักงาน โดยแนวทางสำคัญที่องค์กรสามารถนำไปปรับใช้ มีดังนี้
สร้างสภาพแวดล้อมการทำงานที่ยืดหยุ่น
เปิดโอกาสให้พนักงานเลือกเวลาและสถานที่ทำงานได้ เช่น Hybrid Work, Remote Work หรือระบบ Hot Desk ช่วยเพิ่มความคล่องตัวและรองรับไลฟ์สไตล์ที่หลากหลาย
สนับสนุนการเรียนรู้ต่อเนื่อง
องค์กรสามารถจัดโปรแกรมพัฒนา เช่น คอร์สออนไลน์ โปรแกรมฝึกอบรมภายใน หรืองบสนับสนุนการเรียนรู้ เพื่อเปิดโอกาสให้พนักงานเติบโตอย่างต่อเนื่อง
ใช้เทคโนโลยีช่วยบริหารงาน
การนำเครื่องมือดิจิทัล เช่น ระบบจัดการโปรเจกต์ ออนไลน์ Dashboard หรือ AI เข้ามาช่วยบริหารงาน จะช่วยลดงานซ้ำซ้อน เพิ่มความแม่นยำ และทำให้ตัดสินใจได้ดีขึ้น
ส่งเสริมวัฒนธรรมองค์กรที่มีคุณค่าและมีความหมาย
องค์กรควรกำหนดค่านิยม เป้าหมาย และวัฒนธรรมที่ชัดเจน เพื่อให้พนักงานรู้สึกว่างานที่ทำมีคุณค่า และมีส่วนสร้างผลลัพธ์ที่สำคัญต่อองค์กร
การสร้างสภาพแวดล้อมที่สนับสนุนแนวคิดและทัศนคติของคนรุ่นใหม่จะช่วยเพิ่มความผูกพันกับองค์กร และสร้างผลลัพธ์ที่ยั่งยืนทั้งด้านประสิทธิภาพและนวัตกรรม
4. อาคารสำนักงานอัจฉริยะ (Smart Office) สภาพแวดล้อมการทำงานแห่งอนาคตสำหรับคนรุ่นใหม่
นอกเหนือจากนโยบายและวิธีการทำงาน พื้นที่ทำงานเองก็มีผลต่อประสบการณ์ของพนักงานอย่างมาก ทำให้อาคารสำนักงานอัจฉริยะ หรือ Smart Office กลายเป็นแนวทางสำคัญที่ตอบโจทย์ทั้งแนวคิดการทำงานแบบใหม่และทัศนคติของคนรุ่นใหม่ โดยมุ่งเน้นการออกแบบพื้นที่ที่ยืดหยุ่น ใช้เทคโนโลยีอัจฉริยะช่วยเพิ่มประสิทธิภาพ และสนับสนุนการทำงานร่วมกันอย่างสร้างสรรค์ ทั้งในด้าน
องค์ประกอบเหล่านี้ช่วยให้พนักงานสามารถทำงานได้อย่างสะดวกสบาย คล่องตัว และสร้างสรรค์มากยิ่งขึ้น
สำหรับองค์กรที่ต้องการสร้างสภาพแวดล้อมการทำงานที่ตอบโจทย์คนรุ่นใหม่และเป็นมิตรต่อพนักงาน อาคารสำนักงานอัจฉริยะในกรุงเทพฯ ที่ วัน แบงค็อก (One Bangkok) คือคำตอบ ด้วยเทคโนโลยีและพื้นที่ทำงานที่ออกแบบอย่างชาญฉลาด ช่วยเพิ่มประสิทธิภาพการทำงานและสร้างสรรค์นวัตกรรมได้อย่างยั่งยืน
ข้อมูลอ้างอิง
แท็ก
แชร์