15 ธ.ค. 2568
หากมองรอบตัว จะพบว่างานศิลปะอยู่ทุกหนทุกแห่ง ไม่ว่าจะเป็นภาพวาดที่แขวนอยู่ในแกลเลอรี ประติมากรรมตามสวนสาธารณะ หรือแม้แต่ลวดลายบนแก้วกาแฟที่เราถืออยู่ในมือ ล้วนเป็นผลงานที่ผ่านความคิดสร้างสรรค์และฝีมือของศิลปิน แต่เคยสงสัยไหมว่า ศิลปะมีกี่ประเภท และแต่ละประเภทแตกต่างกันอย่างไร ?
ทำไมเราควรรู้จักประเภทของงานศิลปะ ?
ศิลปะ คือหนึ่งในเครื่องมือที่มนุษย์ใช้สื่อสาร ถ่ายทอดความรู้สึก และบันทึกเรื่องราวของโลกตั้งแต่อดีตจนถึงปัจจุบัน การทำความเข้าใจว่าศิลปะมีกี่ประเภทจะช่วยเปิดมุมมองใหม่ ๆ ให้เราได้เห็นคุณค่าและที่มาของผลงานมากขึ้น
นอกจากนี้ การรู้จักประเภทของศิลปะยังทำให้เราชื่นชมผลงานได้ลึกซึ้งกว่าเดิม เช่น เมื่อเห็นภาพวาด เราอาจไม่ได้มองแค่สีสันหรือฝีไม้ลายมือของจิตรกรเท่านั้น แต่กลับเข้าใจได้ถึงอารมณ์ ความตั้งใจ และแนวคิดเบื้องหลัง ตลอดจนเป็นแรงบันดาลใจให้แก่ผู้ที่อยากสร้างสรรค์ผลงานของตัวเอง ไม่ว่าจะเพื่อความงามทางจิตใจ หรือเพื่อต่อยอดในเชิงพาณิชย์
ศิลปะมีกี่ประเภท ? สำรวจโลกศิลปะหลากแขนง พร้อมทำความเข้าใจงานศิลป์ที่พบได้รอบตัว
ในแวดวงศิลปกรรมทั่วโลก มักแบ่งงานศิลปะออกเป็น 2 กลุ่มใหญ่ ได้แก่ วิจิตรศิลป์ (Fine Art) และ ประยุกต์ศิลป์ (Applied Art) โดยแต่ละประเภทมีความโดดเด่นและบทบาทที่ต่างกัน ทั้งในแง่ของการสร้างสุนทรียะและการใช้งานจริง
มาสำรวจไปพร้อมกันเลยว่า ศิลปกรรมมีอะไรบ้าง และแต่ละประเภทมีความน่าสนใจอย่างไร !
1. วิจิตรศิลป์ (Fine Art) ศิลปะเพื่อความงามและการสื่อสารอารมณ์
Fine Art มาจากคำว่า “Fine” ที่หมายถึงงดงามและประณีต เป็นงานศิลปะที่สร้างขึ้นเพื่อถ่ายทอดอารมณ์ ความรู้สึก และแนวคิดของศิลปินต่อผู้ชม โดยมักเน้นความสุนทรีย์ ความงามทางอารมณ์ และคุณค่าทางจิตใจมากกว่าประโยชน์ใช้สอย
ประเภทของวิจิตรศิลป์ ประกอบไปด้วย
- จิตรกรรม (Painting)
ศิลปะแห่งการวาดและระบายสีที่ใช้เส้น สี แสง และเงา ถ่ายทอดเรื่องราว อารมณ์ หรือมุมมองของศิลปิน โดยจิตรกรรมมักใช้สื่อหลากหลาย ไม่ว่าจะเป็นสีน้ำ สีน้ำมัน สีอะคริลิก หรือดิจิทัลเพนต์ติง ตัวอย่างเช่น ภาพ Mona Lisa ของ Leonardo da Vinci อันเป็นสัญลักษณ์ของศิลปะระดับโลก
- ประติมากรรม (Sculpture)
งานสร้างสรรค์ในรูปแบบสามมิติ ที่ต้องอาศัยการปั้น แกะสลัก หรือขึ้นรูปด้วยวัสดุต่าง ๆ อย่างหิน องค์ประกอบโลหะ ไม้ หรือดินเหนียว เช่น รูปปั้น Pietà ของ Michelangelo ซึ่งแสดงถึงความอ่อนโยนและพลังทางอารมณ์ผ่านรูปทรงและสัดส่วนอันประณีต เป็นตัวอย่างของการใช้ศิลปะสามมิติในการสื่อสารความรู้สึกได้อย่างทรงพลัง
- สถาปัตยกรรม (Architecture)
ศิลปะในรูปแบบของการออกแบบอาคารและพื้นที่ เพื่อให้เกิดความสมดุลระหว่างความงามและการใช้งานจริง เช่น มหาวิหารน็อทร์-ดาม แห่งปารีส ที่โดดเด่นด้วยสไตล์โกธิค รายละเอียดซุ้มประตู หน้าต่างกุหลาบ และยอดแหลมที่เรียงตัวประณีต ถือเป็นหนึ่งในงานศิลปะที่เล่าเรื่องราวของวัฒนธรรมและยุคสมัยได้เป็นอย่างดี
- ภาพพิมพ์ (Printmaking)
งานสร้างภาพผ่านเทคนิคการพิมพ์ เช่น แกะไม้ แกะโลหะ ซิลก์สกรีน หรือภาพพิมพ์หิน ทำให้เกิดงานที่มีพื้นผิวและเส้นสายเฉพาะแบบ ตัวอย่างสุดคลาสสิกคือ The Great Wave off Kanagawa ของ Katsushika Hokusai ที่โดดเด่นด้วยลวดลายคลื่นอันทรงพลังและเส้นสีน้ำเงินเข้ม ซึ่งกลายเป็นสัญลักษณ์ของศิลปะญี่ปุ่นทั่วโลก
- สื่อผสม (Mixed Media)
ศิลปะที่รวมวัสดุหรือเทคนิคหลายประเภทเข้าด้วยกัน ไม่ว่าจะเป็นไม้ กระดาษ โลหะ พลาสติก หรือแม้แต่ของใช้ในชีวิตประจำวัน เช่น Fountain ของ Marcel Duchamp ที่ใช้โถสุขภัณฑ์กลับหัวมานำเสนอ ทำให้ผู้ชมตั้งคำถามกับความหมายของงานศิลปะ และเป็นหนึ่งในผลงานที่เปลี่ยนมุมมองของโลกศิลป์ไปตลอดกาล
- ภาพถ่าย (Photography)
ศิลปะของการบันทึกภาพผ่านกล้องเพื่อสื่อความหมาย เรื่องราว หรืออารมณ์ ที่สามารถสะท้อนบุคลิกหรืออารมณ์ของแบบได้ เช่น ภาพแลบลิ้นของไอน์สไตน์ ที่กลายเป็นภาพถ่ายเชิงไอคอนิกของประวัติศาสตร์
2. ประยุกต์ศิลป์ (Applied Art) ศิลปะที่ผสมผสานกับการใช้ชีวิต
ประยุกต์ศิลป์ จะแตกต่างจากวิจิตรศิลป์ที่เน้นความงามและอารมณ์ โดยจะนำหลักศิลปะมาประยุกต์เข้ากับการใช้งานจริงในชีวิตประจำวัน เพื่อสร้างทั้งประโยชน์และความสวยงามในเวลาเดียวกัน
- พาณิชยศิลป์ (Commercial Art)
งานศิลปะที่นำมาใช้ในเชิงการค้า เพื่อสื่อสารแบรนด์หรือสินค้าให้โดดเด่นและน่าจดจำ เช่น งานออกแบบโลโก้ โปสเตอร์ โฆษณา หรือสื่อออนไลน์ จุดเด่นของพาณิชยศิลป์คือการผสมผสานความสวยงามเข้ากับกลยุทธ์การสื่อสาร เพื่อให้ผู้บริโภคเข้าใจสินค้าได้ทันที
- มัณฑนศิลป์ (Decorative Art)
ศิลปะที่เน้นความงามของพื้นที่และการจัดองค์ประกอบในห้อง อย่างการออกแบบภายในบ้าน คอนโดมิเนียม ร้านอาหาร หรือพื้นที่โชว์รูม มัณฑนศิลป์จะให้ความสำคัญกับอารมณ์ของผู้ใช้ เช่น ความอบอุ่น ความหรูหรา หรือความผ่อนคลาย ผ่านการใช้สี วัสดุ และแสงที่เหมาะสม
- อุตสาหกรรมศิลป์ (Industrial Design)
ศิลปะในรูปแบบของการออกแบบผลิตภัณฑ์ให้ใช้งานได้ดีขึ้นและมีความสวยงาม เช่น กล่องขนม เครื่องใช้ไฟฟ้า เฟอร์นิเจอร์ หรือแก้วกาแฟดีไซน์เรียบหรู งานประเภทนี้มักต้องคำนึงถึงการผลิตจริง ความคุ้มค่า และความสะดวกสบายของผู้ใช้
- หัตถศิลป์ (Handicraft)
งานศิลปะที่แสดงฝีมือและความประณีตของผู้ทำ เช่น การเย็บตุ๊กตา ทำเซรามิก งานสาน งานปัก หรือการตัดเย็บเสื้อผ้า จุดเด่นคือความเป็นเอกลักษณ์ที่เกิดจากความตั้งใจของผู้สร้าง ทำให้แต่ละชิ้นมีคุณค่าพิเศษและมักสะท้อนวัฒนธรรมท้องถิ่นอย่างงดงาม
งานศิลปะกับพื้นที่สร้างแรงบันดาลใจใน วัน แบงค็อก (One Bangkok)
งานศิลปะคือภาษาสากลที่เชื่อมโยงผู้คนข้ามกาลเวลา ไม่ว่าจะเป็นวิจิตรศิลป์ที่สะท้อนความงามทางอารมณ์ หรือประยุกต์ศิลป์ที่นำศิลปะมาสู่การใช้ชีวิต ทั้งสองประเภทต่างมีคุณค่าในแบบของตัวเอง และยังคงพัฒนาอย่างต่อเนื่องตามจินตนาการของมนุษย์
หากคุณอยากสัมผัสบรรยากาศที่ศิลปะกลมกลืนกับการใช้ชีวิตในเมือง ลองมาเดินชมผลงานหลากหลายแขนงทั้งจากศิลปินระดับโลก และศิลปินไทยที่มีผลงานเป็นที่ยอมรับในสากล ที่วัน แบงค็อก (One Bangkok) จุดหมายแห่งงานศิลปะกลางใจกรุงเทพฯ ที่พร้อมให้คุณค้นพบแรงบันดาลใจใหม่ ๆ ได้ในทุกครั้งที่มาเยือน
ข้อมูลอ้างอิง
แท็ก
แชร์