26 ธ.ค. 2568
Key takeaway / Summary of topic answer
การจัดการพลังงาน เป็นปัจจัยหลักที่ช่วยให้เมืองใหญ่เติบโตอย่างยั่งยืนด้วยการเพิ่มประสิทธิภาพ ลดต้นทุน และลดผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อม โดยระบบ EMS เช่น การใช้พลังงานหมุนเวียน อาคารสีเขียว เทคโนโลยีประหยัดพลังงาน รวมถึงระบบขนส่งอัจฉริยะ จะช่วยสร้างเมืองที่ยืดหยุ่นและเป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม ซึ่งสะท้อนให้เห็นอย่างชัดเจนใน วัน แบงค็อก (One Bangkok) ที่เป็นต้นแบบของการพัฒนาเมืองอัจฉริยะสีเขียว ด้วยโครงสร้างพื้นฐานและระบบบริหารพลังงานขั้นสูง
Table of Content
ระบบการจัดการพลังงาน (Energy Management Systems) ปัจจัยที่กำหนดอนาคตของเมืองยั่งยืน
แนวทางสำคัญของระบบพลังงานในเมืองอัจฉริยะยุคใหม่
1. การใช้พลังงานหมุนเวียนในเมือง
2. อาคารสีเขียวที่ได้รับการออกแบบมาเพื่ออนาคต
3. เทคโนโลยีการประหยัดพลังงาน
4. การขนส่งอัจฉริยะ
วัน แบงค็อก (One Bangkok) พัฒนาเมืองอัจฉริยะเพื่อความยั่งยืน
คำถามที่พบบ่อยเกี่ยวกับระบบการจัดการพลังงาน (Energy Management Systems)
Q : ทำไมการจัดการพลังงานจึงสำคัญต่อการพัฒนาเมืองยั่งยืน ?
Q : การเปลี่ยนไปใช้พลังงานหมุนเวียนในเมืองใหญ่ มีความท้าทายหลักในด้านใดบ้าง ?
Q : อาคารสีเขียวช่วยเมืองได้อย่างไร ?
Q : นอกจากการลดมลพิษแล้ว การขนส่งอัจฉริยะ (Smart Transportation) มีส่วนช่วยในการจัดการพลังงานอย่างไร ?
เมื่อพูดถึงการพัฒนาความยั่งยืนในเมืองใหญ่ การจัดการพลังงานถือเป็นหนึ่งในส่วนสำคัญที่ต้องคำนึงถึงเสมอ แต่ทำไมการจัดการพลังงานจึงเป็นปัจจัยที่สำคัญ ? คำตอบที่สามารถบอกได้ทันทีเลยคือ เนื่องจากการใช้พลังงานอย่างมีประสิทธิภาพไม่เพียงแต่ช่วยประหยัดค่าใช้จ่าย แต่ยังเป็นการรักษาสิ่งแวดล้อมและลดการใช้ทรัพยากรธรรมชาติที่จำกัด โดยเฉพาะอย่างยิ่งในยุคที่การเปลี่ยนแปลงสภาพอากาศกำลังส่งผลกระทบอย่างชัดเจน และมีแนวโน้มทวีความรุนแรงยิ่งขึ้น ดังนั้น การจัดการพลังงานอย่างมีประสิทธิภาพจึงช่วยให้เมืองใหญ่สามารถเติบโตได้อย่างยั่งยืน และตอบโจทย์ความท้าทายในอนาคต
ระบบการจัดการพลังงาน (Energy Management Systems) ปัจจัยที่กำหนดอนาคตของเมืองยั่งยืน
เมื่อพูดถึงการจัดการพลังงานในเมืองที่กำลังเติบโตและพัฒนา ระบบการจัดการพลังงาน (EMS) กลายเป็นเครื่องมือสำคัญที่ช่วยในการบริหารจัดการและควบคุมการใช้พลังงานในอาคาร หรือพื้นที่ขนาดใหญ่ โดยระบบนี้ออกแบบมาเพื่อลดการใช้พลังงานที่ไม่จำเป็น และเพิ่มประสิทธิภาพการใช้พลังงานให้สูงสุด นอกจากนี้ ยังช่วยลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจกและมลพิษทางอากาศ ซึ่งเป็นปัจจัยหลักที่ส่งผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อม
ระบบจัดการพลังงาน ทำงานโดยการเก็บรวบรวมและวิเคราะห์ข้อมูลการใช้พลังงานแบบเรียลไทม์ ทำให้สามารถตัดสินใจได้ว่าควรจะจัดสรรและลดการใช้พลังงานในส่วนใด เพื่อให้บรรลุเป้าหมายด้านการควบคุมต้นทุนและเพื่อความยั่งยืน
แนวทางสำคัญของระบบพลังงานในเมืองอัจฉริยะยุคใหม่
เมื่อโครงสร้างเมืองเริ่มซับซ้อนขึ้น และพฤติกรรมการใช้พลังงานของผู้คนในเมืองมีความหลากหลายมากขึ้น เมืองสมัยใหม่จึงต้องปรับตัวด้วยการออกแบบระบบพลังงานที่ตอบโจทย์ทั้งประสิทธิภาพและความยั่งยืนไปพร้อมกัน การเปลี่ยนผ่านสู่เมืองอัจฉริยะสีเขียว (Green Smart City) ไม่ได้เกิดขึ้นเพียงจากการใช้เทคโนโลยีขั้นสูงเท่านั้น แต่ต้องอาศัยแนวทางการจัดการพลังงานที่เกื้อหนุนกัน เพื่อสร้างระบบเมืองที่ยืดหยุ่น ปลอดภัย เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม
1. การใช้พลังงานหมุนเวียนในเมือง
การเปลี่ยนผ่านไปสู่ระบบพลังงานหมุนเวียน เช่น พลังงานแสงอาทิตย์ พลังงานลม หรือพลังงานชีวมวล เป็นสิ่งสำคัญในการสร้างเมืองอัจฉริยะยุคใหม่ การบูรณาการแหล่งพลังงานเหล่านี้เข้ากับโครงข่ายไฟฟ้าหลัก (Grid) จะช่วยลดการพึ่งพาเชื้อเพลิงฟอสซิล ซึ่งเป็นสาเหตุหลักของการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ อีกทั้งยังช่วยลดการปล่อยคาร์บอนในชุมชน และสร้างระบบพลังงานที่มั่นคงในอนาคต
2. อาคารสีเขียวที่ได้รับการออกแบบมาเพื่ออนาคต
อาคารสีเขียว ไม่ได้หมายถึงอาคารที่มีต้นไม้ประดับเท่านั้น แต่หมายถึงอาคารที่ออกแบบตามหลักการความยั่งยืนด้านสิ่งแวดล้อม โดยเน้นการจัดการในมิติต่าง ๆ เช่น
ประสิทธิภาพการใช้พลังงาน เช่น การใช้ฉนวนกันความร้อน การติดตั้งกระจกที่ช่วยลดความร้อน หรือระบบแสงสว่างอัจฉริยะ
การจัดการน้ำ โดยมีระบบบำบัดและนำน้ำกลับมาใช้ใหม่
การใช้วัสดุที่เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม ลดปริมาณของเสียจากการก่อสร้างและการเลือกใช้วัสดุที่สามารถรีไซเคิลได้
โดยอาคารเหล่านี้มักได้รับการรับรองมาตรฐานระดับโลก ซึ่งตอกย้ำความมุ่งมั่นในการสร้างเมืองอัจฉริยะสีเขียวที่ออกแบบมาเพื่ออนาคต
3. เทคโนโลยีการประหยัดพลังงาน
เทคโนโลยีกลุ่มนี้ช่วยยกระดับประสิทธิภาพด้านพลังงานในชีวิตประจำวัน ไม่ว่าจะเป็น
ระบบแสงสว่างอัจฉริยะ
เซ็นเซอร์ควบคุมอุณหภูมิ
ระบบปรับอากาศที่ใช้พลังงานต่ำ
ซึ่งนอกจากจะสามารถลดต้นทุนด้านพลังงานแล้ว ยังช่วยลดภาระของระบบไฟฟ้าภายในเมือง ทำให้ระบบมีเสถียรภาพมากขึ้น
4. การขนส่งอัจฉริยะ
ระบบขนส่ง เป็นหนึ่งในสาเหตุหลักของการปล่อยก๊าซเรือนกระจกในเมืองใหญ่ เมืองอัจฉริยะจึงต้องพัฒนาโครงสร้างการเดินทางที่ประหยัดพลังงานและปลอดมลพิษ เช่น การมีรถโดยสารพลังงานสะอาดและการออกแบบโครงข่ายถนนที่ลดการจราจรติดขัด เพื่อลดพลังงานที่ใช้ในระบบขนส่งและลดมลพิษโดยรวมของเมือง ทั้งยังส่งเสริมคุณภาพชีวิตของประชาชนในระยะยาว
วัน แบงค็อก (One Bangkok) พัฒนาเมืองอัจฉริยะเพื่อความยั่งยืน
วัน แบงค็อก (One Bangkok) คือต้นแบบการบริหารจัดการพื้นที่ขนาดใหญ่ที่แสดงให้เห็นถึงความมุ่งมั่นในการสร้างเมืองอัจฉริยะสีเขียวอย่างแท้จริง โดยนำหลักการจัดการพลังงานและความยั่งยืนมาเป็นแกนของการพัฒนาโครงสร้างพื้นฐาน ดังนี้
พื้นที่สีเขียวและพื้นที่เปิดโล่ง โดยวัน แบงค็อก (One Bangkok) มีการจัดสรรพื้นที่สีเขียวและพื้นที่เปิดโล่งมากกว่า 50 ไร่ ซึ่งช่วยทำหน้าที่เป็นปอดของเมืองและช่วยลดอุณหภูมิในพื้นที่
ระบบทำความเย็นแบบรวมศูนย์ เป็นหัวใจของการจัดการพลังงานในพื้นที่ โดยการผลิตและจ่ายน้ำเย็นไปยังอาคารภายในจากส่วนกลาง ซึ่งมีประสิทธิภาพสูงกว่าการติดตั้งเครื่องปรับอากาศแยกในแต่ละอาคารอย่างมาก อีกทั้งยังช่วยลดการใช้พลังงานโดยรวม
สมาร์ตกริด โครงข่ายไฟฟ้าอัจฉริยะที่ช่วยบริหารจัดการโหลดพลังงาน ตรวจจับการใช้ไฟฟ้าแบบเรียลไทม์ เพิ่มเสถียรภาพของระบบพลังงาน
ระบบจัดการน้ำ โดยใช้ระบบการจัดการพลังงานควบคู่ไปกับการจัดการน้ำ มีการบำบัดและนำน้ำกลับมาใช้ใหม่ (Recycling) สำหรับการรดน้ำต้นไม้และการใช้งานอื่นที่เหมาะสม เพื่อใช้ทรัพยากรให้คุ้มค่าที่สุด
ระบบควบคุมและบริหารจัดการอาคารในวัน แบงค็อก (One Bangkok) ใช้ระบบการจัดการพลังงานขั้นสูงในการควบคุมและมอนิเตอร์การใช้พลังงาน ความสว่าง รวมถึงอุณหภูมิแบบอัตโนมัติ ทำให้การใช้พลังงานเป็นไปอย่างแม่นยำและประหยัดที่สุด
ระบบการสื่อสารแบบไร้รอยต่อ ด้วยโครงสร้างพื้นฐานด้านการสื่อสารความเร็วสูง ที่ผ่านการรับรอง WiredScore Neighborhood สามารถรองรับการเชื่อมต่อของอุปกรณ์ IoT อย่างครอบคลุมในทุกมิติตลอดทั่วทั้งโครงการ
ระบบการจราจรอัจฉริยะ การนำเทคโนโลยีอัจฉริยะมาช่วยจัดการการจราจรภายในและโดยรอบพื้นที่ ช่วยให้การเดินทางเข้า-ออกเป็นไปอย่างรวดเร็ว ลดการปล่อยมลพิษจากการติดเครื่องยนต์ทิ้งไว้ขณะการจราจรติดขัด
ส่งเสริมการใช้พลังงานสะอาด โดยมีจุดชาร์จรถยนต์พลังงานไฟฟ้า (EV Charging Station) พร้อมบริการรับ-ส่งด้วยรถ EV Shuttle Service จาก BTS เพลินจิต เพื่ออำนวยความสะดวกในการเดินทาง ลดการใช้เครื่องยนต์ สร้างความเป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อม
วัน แบงค็อก (One Bangkok) เป็นต้นแบบที่สำคัญในการสร้างเมืองอัจฉริยะสีเขียวที่บริหารพลังงานอย่างมีประสิทธิภาพ และนำนวัตกรรมตลอดจนเทคโนโลยีขั้นสูงมาประยุกต์ใช้อย่างใส่ใจในทุกมิติ มาร่วมเป็นส่วนหนึ่งของการเปิดรับประสบการณ์การพัฒนาเมืองที่ยั่งยืนและเป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อมได้ที่ วัน แบงค็อก (One Bangkok)
ข้อมูลอ้างอิง
ระบบบริหารจัดการพลังงาน (Energy Management System: EMS). สืบค้นเมื่อวันที่ 8 ธันวาคม 2568 จาก https://thai-smartgrid.com/เกี่ยวกับสมาร์ทกริด/tech-basic-related-smartgrid/ems/
FAQ
คำถามที่พบบ่อยเกี่ยวกับระบบการจัดการพลังงาน (Energy Management Systems)
Q : ทำไมการจัดการพลังงานจึงสำคัญต่อการพัฒนาเมืองยั่งยืน ?
A : การจัดการพลังงานช่วยเพิ่มประสิทธิภาพการใช้พลังงาน ลดต้นทุน ลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจก ทำให้เมืองรับมือกับความท้าทายด้านสิ่งแวดล้อมได้ดีขึ้น
Q : การเปลี่ยนไปใช้พลังงานหมุนเวียนในเมืองใหญ่ มีความท้าทายหลักในด้านใดบ้าง ?
A : ความท้าทายหลักคือความไม่เสถียรของแหล่งพลังงานหมุนเวียน เช่น พลังงานแสงอาทิตย์ หรือพลังงานลม ซึ่งทำให้การบริหารจัดการไฟฟ้าในโครงข่าย (Smart Grid) ซับซ้อนขึ้น รวมถึงต้นทุนเริ่มต้นในการติดตั้งระบบกักเก็บพลังงานที่สูง
Q : อาคารสีเขียวช่วยเมืองได้อย่างไร ?
A : ช่วยเพิ่มประสิทธิภาพพลังงาน ลดความร้อน ลดการใช้น้ำ ลดของเสีย โดยใช้วัสดุที่เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม
Q : นอกจากการลดมลพิษแล้ว การขนส่งอัจฉริยะ (Smart Transportation) มีส่วนช่วยในการจัดการพลังงานอย่างไร ?
A : การจัดการพลังงานจากการขนส่งอัจฉริยะ มาจากการลดเวลาที่รถติดเครื่องยนต์ทิ้งไว้ (Idling Time) ผ่านการปรับสัญญาณไฟจราจรด้วย AI ที่จะใช้ข้อมูลแบบเรียลไทม์ ซึ่งช่วยลดการสิ้นเปลืองเชื้อเพลิงและส่งเสริมการใช้การขนส่งมวลชนและ EVs ที่ใช้พลังงานไฟฟ้าซึ่งสามารถจัดการได้ง่ายกว่าเชื้อเพลิงฟอสซิล
แท็ก
แชร์