เมื่อการเปลี่ยนแปลงของสภาพภูมิอากาศและการปกป้องสิ่งแวดล้อมกลายเป็นประเด็นสำคัญที่ไม่อาจมองข้ามได้ การพัฒนาเมืองอย่างยั่งยืนจึงไม่ใช่แค่เรื่องของการรักษาสมดุลธรรมชาติเท่านั้น แต่ยังครอบคลุมถึงการใช้ทรัพยากรอย่างมีประสิทธิภาพและการนำเทคโนโลยีที่เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อมมาปรับใช้ให้เกิดประโยชน์สูงสุด ซึ่งอาคารสีเขียว (Green Building) ก็ได้กลายเป็นหนึ่งในแนวทางที่ได้รับความนิยมอย่างมากในปัจจุบัน

อาคารเขียว การพัฒนาเพื่ออนาคตที่ยั่งยืน

อาคารเขียว หรือ Green Building คือ อาคารที่ได้รับการออกแบบ ก่อสร้าง รวมถึงบริหารจัดการ โดยคำนึงถึงผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อมในทุกขั้นตอน ตั้งแต่การเลือกใช้วัสดุก่อสร้างที่เป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อม การใช้พลังงาน การจัดการน้ำ การควบคุมคุณภาพอากาศภายใน ไปจนถึงการลดของเสียและการรีไซเคิล ซึ่งจุดมุ่งหมายของอาคารเขียวไม่ใช่เพียง “ลดผลกระทบ” ต่อสิ่งแวดล้อมเท่านั้น แต่ยังมุ่ง “เพิ่มประสิทธิภาพ” ของการใช้ทรัพยากร เพื่อให้เกิดความยั่งยืนระยะยาว ทั้งในมิติสิ่งแวดล้อม สังคม และเศรษฐกิจ

ประโยชน์ของอาคารเขียว การลงทุนสู่ความคุ้มค่า

การพัฒนาอาคารเขียว หรือ Green Building ไม่ได้เป็นเพียงกระแสหรือเทรนด์ชั่วคราว แต่เป็นการลงทุนเพื่ออนาคตที่ให้ผลตอบแทนในหลายด้าน ซึ่งการทำความเข้าใจถึงประโยชน์เหล่านี้จะช่วยให้เห็นภาพชัดเจนว่าทำไมอาคารประหยัดพลังงาน จึงเป็นทางเลือกที่สำคัญและคุ้มค่าสำหรับยุคปัจจุบัน

• สิ่งแวดล้อม : ลดคาร์บอนฟุตพรินต์ ลดของเสีย ช่วยอนุรักษ์ทรัพยากรธรรมชาติ
• เศรษฐกิจ : ลดค่าใช้จ่ายด้านพลังงานในระยะยาว เพิ่มมูลค่าทรัพย์สิน
• สังคม : สร้างสภาพแวดล้อมที่ดีต่อสุขภาพ เพิ่มประสิทธิภาพการทำงานของผู้อยู่อาศัย

แนวทางหลักในการออกแบบอาคารเขียว

แนวคิดของอาคารสีเขียวเน้นการผสมผสานเทคโนโลยีสมัยใหม่เข้ากับแนวทางการอนุรักษ์พลังงาน โดยมีหลักการสำคัญดังนี้

1. การใช้วัสดุที่เป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อม

วัสดุก่อสร้างของอาคารเขียวมักเลือกใช้วัสดุรีไซเคิล วัสดุท้องถิ่น หรือวัสดุที่ปล่อยคาร์บอนต่ำ เช่น ไม้ปลูกทดแทน ปูนซีเมนต์ผสมเถ้าลอย รวมถึงวัสดุที่ช่วยลดความร้อนเข้าสู่อาคาร

2. การใช้พลังงานหมุนเวียน

หนึ่งในหัวใจสำคัญของอาคารประหยัดพลังงาน คือการนำพลังงานสะอาดมาใช้ เช่น พลังงานแสงอาทิตย์ (Solar Cell) หรือพลังงานลม เพื่อทดแทนพลังงานไฟฟ้าจากเชื้อเพลิงฟอสซิล

3. การประหยัดพลังงาน

อาคารเขียวให้ความสำคัญกับการออกแบบที่ช่วยลดการใช้พลังงาน เช่น ระบบปรับอากาศประสิทธิภาพสูงที่ใช้พลังงานต่ำ แต่ให้ความเย็นที่มีประสิทธิภาพ หรือการใช้เซนเซอร์ตรวจจับความเคลื่อนไหวและการหรี่ไฟตามปริมาณแสงธรรมชาติ เพื่อลดการใช้พลังงานไฟฟ้าโดยไม่จำเป็น

4. การออกแบบพื้นที่ให้รับแสงธรรมชาติ

การออกแบบช่องเปิดและหน้าต่างให้แสงสว่างจากภายนอกเข้าถึงพื้นที่ภายในได้อย่างทั่วถึง จะช่วยลดการใช้ไฟฟ้าในช่วงกลางวัน อีกทั้งยังส่งเสริมสุขภาพที่ดีของผู้อยู่อาศัย โดยต้องคำนึงถึงการจัดวางผังอาคารให้สอดคล้องกับทิศทางของดวงอาทิตย์และลม เพื่อเพิ่มการระบายอากาศตามธรรมชาติและลดความร้อนสะสม

นอกจากนี้ ยังมีการจัดการน้ำอย่างมีประสิทธิภาพ การบำบัดน้ำเสียเพื่อนำกลับมาใช้ประโยชน์ใหม่ในกิจกรรมที่เหมาะสม รวมถึงการจัดการของเสียและการรีไซเคิล ซึ่งเป็นส่วนสำคัญที่ช่วยเสริมให้อาคารเขียวสามารถบรรลุเป้าหมายด้านความยั่งยืนได้อย่างครบถ้วน

วัน แบงค็อก (One Bangkok) ต้นแบบอาคารประหยัดพลังงานเพื่ออนาคต

วัน แบงค็อก (One Bangkok) เป็นตัวอย่างที่ดีของการพัฒนาเมืองและอาคารสีเขียวที่ออกแบบโดยคำนึงถึงความยั่งยืนและสิ่งแวดล้อม โดยได้รับการรับรองตามมาตรฐาน LEED และ WELL เพื่อส่งเสริมความยั่งยืนและคุณภาพชีวิตที่ดี ด้วยความใส่ใจ

LEED for Neighbourhood Development (LEED ND) ระดับ Platinum

ทุกอาคารใน วัน แบงค็อก (One Bangkok) ได้รับการรับรอง LEED for Neighbourhood Development (LEED ND) ระดับ Platinum ซึ่งเป็นการรับรองประสิทธิภาพสูงในการใช้พลังงานและน้ำ การจัดการขยะ และคุณภาพอากาศภายในอาคาร รวมถึงผังเมือง พื้นที่สีเขียว และโครงสร้างพื้นฐานที่แข็งแรงและมีคุณภาพ

LEED Core and Shell (LEED CS)

อาคารสำนักงานของ วัน แบงค็อก (One Bangkok) สร้างขึ้นตามมาตรฐาน LEED Core and Shell (LEED CS) โดยเป็นการรับรองมาตรฐานอาคารที่มีการปฏิบัติตามหลักเป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม ประหยัดพลังงาน และส่งเสริมสุขภาพที่ดี

WiredScore และ SmartScore ระดับ Platinum

เป็นระดับสูงสุดสำหรับอาคารสำนักงาน โดย WiredScore คือระบบรับรองมาตรฐานอาคารระดับโลก ที่ประเมินคุณภาพอาคารจากโครงสร้างพื้นฐานด้านเทคโนโลยีและความสามารถในการเชื่อมต่อระบบดิจิทัล ขณะที่ SmartScore คือระบบรับรองมาตรฐานอาคารระดับโลกที่ประเมินคุณสมบัติของอาคารในการนำเทคโนโลยีอัจฉริยะขั้นสูงมาใช้ เพื่อสร้างสถานที่ทำงานที่ตอบโจทย์ความยั่งยืน

เมืองสีเขียว ที่วัน แบงค็อก (One Bangkok) รวมทุกมาตรฐานไว้ด้วยกัน ผ่านการออกแบบที่ใส่ใจในทุกรายละเอียด เพื่อยกระดับคุณภาพชีวิต และสร้างสภาพแวดล้อมที่ส่งเสริมสุขภาพทั้งในด้านร่างกายและจิตใจ ผสานกับการใช้เทคโนโลยีทันสมัย เพื่อตอบสนองการใช้ชีวิตอย่างยั่งยืน เช่น

• ออกแบบอาคารให้มีการใช้แสงธรรมชาติที่เหมาะสมและลดแสงจ้า เพื่อความสบายตาของผู้ใช้อาคาร
• ใช้กระจกกันฉนวนที่เปลือกนอกอาคาร เพื่อช่วยลดเสียงรบกวนจากการจราจรภายนอก
• ในขั้นตอนการก่อสร้าง ส่วนใหญ่ใช้วัสดุที่เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม เช่น วัสดุมีสารประกอบอินทรีย์ระเหยง่าย หรือ VOC (Volatile Organic Compounds) ต่ำ ปราศจากสารตะกั่วและปรอท 
• ระบบกรองอากาศสองชั้นในอาคาร พร้อมนวัตกรรมการฆ่าเชื้อโรคด้วยแสงยูวี โดยมีเซนเซอร์มากกว่า 3,000 จุด ที่คอยตรวจสอบคุณภาพอากาศอย่างต่อเนื่อง
• ระบบและเซนเซอร์ระดับสูงที่สามารถช่วยควบคุมอุณหภูมิและความชื้นในอาคารให้คงที่ 
• บริการน้ำดื่มที่ปลอดภัย ด้วยตัวกรองคาร์บอน ท่อปลอดสารตะกั่ว 
• พื้นที่สาธารณะที่ทุกคนสามารถเข้าถึงได้ สร้างบรรยากาศเงียบสงบ ลดความเครียด
• ระบบเชื่อมต่อดิจิทัลที่รองรับการใช้งานได้ในทุกประเภท ไม่ว่าจะเป็นสัญญาณอินเทอร์เน็ตมือถือ การเชื่อมต่อ Wi-Fi ตลอดจนการใช้ระบบเทคโนโลยีที่ทันสมัย
• Smart Poles เสาไฟอัจฉริยะที่ให้แสงสว่างและส่งสัญญาณ Wi-Fi ความเร็วสูงครอบคลุมทั่วทุกพื้นที่ภายในโครงการ
• ระบบการตรวจสอบและบันทึกข้อมูลแบบเรียลไทม์เพื่อความปลอดภัยสูงสุด

ในโลกที่การเปลี่ยนแปลงทางสิ่งแวดล้อมกำลังเกิดขึ้นอย่างรวดเร็ว การพัฒนาเมืองที่มีการคำนึงถึงการรักษาสิ่งแวดล้อมพร้อมการใช้เทคโนโลยีอัจฉริยะเป็นเรื่องสำคัญ มาร่วมสัมผัสประสบการณ์การพัฒนาสิ่งแวดล้อมกับเมืองสีเขียว ที่ วัน แบงค็อก (One Bangkok) ซึ่งพร้อมสนับสนุนแนวคิดนี้ โดยการเลือกใช้เทคโนโลยีที่ช่วยประหยัดพลังงานและลดการปล่อยมลพิษ เพื่อสร้างเมืองที่มีคุณภาพชีวิตที่ดีและยั่งยืนสำหรับทุกคน

ข้อมูลอ้างอิง

1. รู้จัก "อาคารสีเขียว" แนวคิดการออกแบบก่อสร้าง ที่เป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อม. สืบค้นเมื่อวันที่ 27 พฤศจิกายน 2568. จาก https://www.thairath.co.th/futureperfect/articles/2742099 
2. LEED rating system. สืบค้นเมื่อวันที่ 27 พฤศจิกายน 2568. จาก https://www.usgbc.org/leed
3. Office WiredScore & SmartScore. สืบค้นเมื่อวันที่ 8 ธันวาคม 2568. จาก https://wiredscore.com/certify-a-building/office/