26 ธ.ค. 2568
เคยสงสัยไหมว่า ทำไมบางเมืองสามารถจัดการพลังงานได้อย่างมีประสิทธิภาพ ลดความสูญเสียและลดค่าใช้จ่ายด้านพลังงานได้ คำตอบส่วนหนึ่งคือ Smart Grid ระบบไฟฟ้าที่เข้ามาเปลี่ยนวิถีการใช้พลังงานในยุคเมืองอัจฉริยะ ซึ่ง Smart Grid ไม่ใช่แค่คำศัพท์เทคนิค แต่เป็นแนวคิดที่เชื่อมโยงเทคโนโลยีและข้อมูลเข้ากับการจัดการพลังงานอย่างชาญฉลาด
Smart Grid คืออะไร ?
Smart Grid คือระบบเครือข่ายไฟฟ้าอัจฉริยะที่ใช้เทคโนโลยีดิจิทัลและการสื่อสารในการควบคุม การส่ง และการกระจายพลังงานไฟฟ้า โดยระบบนี้สามารถตรวจสอบปริมาณการใช้ไฟฟ้าแบบเรียลไทม์ วิเคราะห์ข้อมูล รวมถึงปรับการจ่ายไฟให้เหมาะสมกับความต้องการ ต่างจากระบบไฟฟ้าแบบเดิมที่เป็นเพียง “สายส่งและแผงควบคุม” Smart Grid เพิ่มความสามารถในการสื่อสารสองทาง ทำให้ทั้งผู้ผลิตและผู้บริโภคสามารถมีส่วนร่วมในการจัดการพลังงาน ลดการสูญเสีย ปรับปรุงประสิทธิภาพโดยรวม
หลักการทำงานของ Smart Grid
การที่ระบบไฟฟ้าจะมีความ "ฉลาด" ได้นั้น ต้องอาศัยการทำงานที่ประสานกันหลายองค์ประกอบ ซึ่งหลักการทำงานของ Smart Grid จะประกอบด้วยขั้นตอนเหล่านี้
เซ็นเซอร์และอุปกรณ์ตรวจวัด (Sensing and Measurement) : มีการติดตั้งตามสายส่งและบ้านเรือนเพื่อตรวจจับปริมาณการใช้ไฟฟ้า รวมถึงคุณภาพของพลังงาน การวัดข้อมูลแบบเรียลไทม์นี้มีความสำคัญอย่างยิ่งในการทำให้ระบบรู้สถานะปัจจุบันของตัวเอง
การวิเคราะห์ข้อมูล (Data Analytics) : โดยใช้ AI และซอฟต์แวร์วิเคราะห์แนวโน้มการใช้พลังงานและคาดการณ์ความต้องการ ซึ่งช่วยให้ผู้ควบคุมระบบสามารถตัดสินใจได้อย่างรวดเร็วว่าจะผลิตไฟเพิ่ม หรือลดการจ่ายไฟลงในพื้นที่ใด
การจัดการพลังงานหมุนเวียน (Integration of Renewables) : Smart Grid ออกแบบมาเพื่อรองรับพลังงานจากแหล่งหมุนเวียน เช่น โซลาร์ หรือลม ซึ่งมีลักษณะการผลิตที่ไม่สม่ำเสมอ โดยระบบอัจฉริยะนี้จะช่วยปรับสมดุลและผสานพลังงานเหล่านี้เข้าสู่เครือข่ายหลักได้อย่างราบรื่น
การปรับสมดุลอัตโนมัติ (Self-Healing and Optimization) : เพื่อจัดการปริมาณไฟฟ้าที่ผลิตและใช้ให้เหมาะสม ลดปัญหาไฟดับและพลังงานสูญเสีย หากเกิดความขัดข้องในจุดใดจุดหนึ่ง ระบบสามารถแยกส่วนที่เสียหายออกและส่งกระแสไฟฟ้าไปยังเส้นทางอื่นได้โดยอัตโนมัติ ทำให้การจ่ายไฟยังคงต่อเนื่องและมั่นคง
ประโยชน์ของ Smart Grid คืออะไร ?
Smart Grid ไม่เพียงให้ประโยชน์กับหน่วยงานที่ดูแลการไฟฟ้าเท่านั้น แต่ส่งผลดีต่อทุกภาคส่วนในสังคมอย่างเป็นรูปธรรม โดยเฉพาะอย่างยิ่งด้านการใช้พลังงานอย่างยั่งยืน ซึ่งผู้ที่ได้รับประโยชน์สามารถแบ่งได้เป็น 3 กลุ่มหลัก ๆ ดังนี้
1. ต่อผู้บริโภค (Smart Consumption)
ลดค่าไฟฟ้าผ่านการปรับการใช้พลังงาน : ผู้บริโภคสามารถเห็นข้อมูลการใช้ไฟฟ้าแบบเรียลไทม์ และปรับเปลี่ยนพฤติกรรมการใช้เครื่องใช้ไฟฟ้าในช่วงเวลาที่ค่าไฟถูกลงได้
แจ้งเตือนเมื่อมีการใช้ไฟฟ้ามากเกินไป : ช่วยให้ควบคุมการใช้พลังงานได้ดีขึ้น ลดโอกาสเกิดปัญหาไฟฟ้าลัดวงจรหรือการใช้ไฟเกินขนาด
สนับสนุนการใช้พลังงานสะอาดในบ้านและอาคาร : หากมีการติดตั้งโซลาร์รูฟท็อป Smart Grid จะช่วยจัดการพลังงานที่ผลิตได้ และสามารถขายไฟส่วนเกินกลับเข้าสู่ระบบได้อย่างง่ายดาย
2. ต่อภาคธุรกิจ (Operational Efficiency)
ลดการสูญเสียพลังงานในระบบ : การตรวจสอบและจัดการที่แม่นยำ จะช่วยลดการสูญเสียพลังงานระหว่างการส่งและจ่ายไฟได้เป็นอย่างมาก
เพิ่มประสิทธิภาพการบริหารจัดการไฟฟ้า : ผู้ประกอบการสามารถวิเคราะห์และวางแผนการใช้พลังงานได้ดีขึ้น ทำให้ต้นทุนด้านพลังงานลดลง
รองรับการใช้พลังงานหมุนเวียนได้เต็มประสิทธิภาพ : ช่วยให้โรงงานหรืออาคารขนาดใหญ่ที่ใช้พลังงานทางเลือก สามารถจัดการแหล่งพลังงานหลายชนิดได้อย่างมีเสถียรภาพ
3. ต่อสังคมและสิ่งแวดล้อม (Sustainability and Resilience)
ลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจก : ด้วยการสนับสนุนการใช้พลังงานหมุนเวียนและการเพิ่มประสิทธิภาพการใช้พลังงานโดยรวม
ช่วยสร้างฐานข้อมูลพลังงานสำหรับการวางแผนเมืองอัจฉริยะ : ข้อมูลการใช้พลังงานจะถูกนำไปใช้ในการวางผังเมืองและโครงสร้างพื้นฐานในอนาคต
ส่งเสริมเมืองสีเขียวและเมืองยั่งยืน : เป็นรากฐานสำคัญในการบรรลุเป้าหมายด้านสิ่งแวดล้อมของประเทศ
Smart Grid คือรากฐานเมืองอัจฉริยะที่วัน แบงค็อก (One Bangkok)
Smart Grid คือระบบโครงข่ายไฟฟ้าอัจฉริยะ ซึ่งทำหน้าที่เป็นรากฐานด้านพลังงานให้แก่วัน แบงค็อก (One Bangkok) โดยพัฒนาขึ้นภายใต้แนวคิด Green Smart City การใช้ Smart Grid ช่วยให้เมืองสามารถบริหารจัดการพลังงานได้ยืดหยุ่นกว่าระบบดั้งเดิม รองรับการใช้พลังงานหมุนเวียน และช่วยสร้างความยั่งยืนให้แก่โครงสร้างพื้นฐานของเมือง และทำงานร่วมกับระบบต่าง ๆ เพื่อให้เกิดประสิทธิภาพสูงสุด
Central Utility Plant (CUP) หัวใจควบคุมระบบสาธารณูปโภค
Central Utility Plant (CUP) คือ ศูนย์กลางอัจฉริยะที่ทำหน้าที่เป็นหัวใจหลักในการบริหารจัดการ ระบบสาธารณูปโภคทั้งหมด เช่น การผลิตความเย็น การจัดการน้ำ และการควบคุมระบบไฟฟ้า (Smart Grid) ข้อมูลระบุว่า CUP จะทำการวิเคราะห์ข้อมูลแบบเรียลไทม์ และใช้เทคโนโลยีขั้นสูงในการควบคุมการจ่ายไฟ และการใช้ทรัพยากร เพื่อให้เกิดประสิทธิภาพสูงสุดตลอด 24 ชั่วโมง
District Command Center (DCC) ศูนย์กลางข้อมูลและความมั่นคงปลอดภัย
District Command Center (DCC) คือศูนย์บัญชาการอัจฉริยะที่เน้นบทบาทด้านความปลอดภัย และ การบริหารจัดการเหตุการณ์ (Disaster Management) โดยรวบรวมข้อมูลจากเซ็นเซอร์กว่าล้านจุด และกล้องวงจรปิดกว่า 5,000 ตัว ข้อมูลเรียลไทม์จาก DCC จะนำไปสนับสนุนการตัดสินใจในเชิงกลยุทธ์ร่วมกับ CUP เพื่อให้มั่นใจว่าโครงสร้างพื้นฐานทั้งหมดจะทำงานได้อย่างต่อเนื่อง และมั่นคงปลอดภัยแม้ในสถานการณ์วิกฤต
จะเห็นได้ว่า Smart Grid คือระบบไฟฟ้าอัจฉริยะที่ไม่ใช่แค่เทคโนโลยี แต่เป็นแนวทางสู่เมืองอัจฉริยะและเมืองยั่งยืน ที่มีการจัดการพลังงานอย่างชาญฉลาด ลดผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อมและสร้างคุณภาพชีวิตที่ดีขึ้น
หากสนใจแนวคิดเมืองอัจฉริยะและนวัตกรรมที่ส่งเสริมสิ่งแวดล้อม วัน แบงค็อก (One Bangkok) คือต้นแบบการบริหารจัดการสู่ความยั่งยืน เชิญร่วมเป็นส่วนหนึ่งของการใช้ชีวิตในเมืองอัจฉริยะ ที่ผสานเทคโนโลยี สิ่งแวดล้อม และไลฟ์สไตล์ เข้าไว้ด้วยกันอย่างลงตัวในทุกพื้นที่
ข้อมูลอ้างอิง
แท็ก
แชร์